วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ชาวพุทธตัวอย่าง

ชาวพุทธตัวอย่าง
1. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
      พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2396 มีพระนามเดิมว่า “สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์” ทรงได้รับการศึกษาเป็นอย่างดีทั้งด้านอักษรศาสตร์ โบราณราชประเพณี วิชาการ สงคราม และกาปรกครอง ทั้งยังทรงใฝ่พระทัยศึกษาพระธรรมวินัย ทรงผนวชเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2409 และเป็นพระภิกษุเมื่อ พ.ศ. 2416 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เหล่าพระราชวงศืเสนาบดีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ประชุมกันและตกลงถวายพระราชสมบัติแก่รัชทายาทของพระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ แต่ในขณะนั้นทรงมีพระชนมมายุเพียง 15 พรรษา จึงให้สมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปก่อน จนทรงบรรลุนิติภาวะ แล้วจึงเถลิงราชสมบัติเสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศง 2411 เป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี นับเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกที่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลังจากที่ขึ้นครองราชย์ได้ 2 ปี ทรงได้เสด็จประพาสต่างประเทศเป็นครั้งแรก ทรงเลือกที่จะไปเยือนประเทศสิงค์โปร์และอินโดนีเซีย ต่อจากนั้นก็ได้เสด็จเยือนประเทศอินเดียและพม่า โดยพระองค์ทรงรับเอาการศึกษาและแบบแผนการปกครองของตะวันตกมาปรับปรุงพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัครมเหสีพระนามว่า “สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ” ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมทั้งสิ้น 97 พระองค์ แต่ประสูติในพระอัครมเหสีมี 9 พระองค์คือ
          1. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงพาหุรัตมณีภัย กรมพระเทพนารีรัตน์
          2. สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ (ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชกาลที่ 6)
          3. สมเด็จเจ้าฟ้าชายตรีเพชรรุตม์ธำรง
          4. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจักรพงศ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
          5. สมเด็จเจ้าฟ้าศิริราชกุธภัณฑ์
          6. สมเด็จเจ้าฟ้าหญิง (สิ้นพระชนม์ในวันที่ประสูติ)
          7. สมเด็จเจ้าฟ้าชายอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
          8. สมเด็จเจ้าฟ้าชายจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย
          9. สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดช กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา (ต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นรัชกาลที่ 7)
          พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ การยกเลิกระบบทาส โดยตราพระราชบัญญัติทาส รัตนโกสินทร์ 124 ขึ้น ทำให้ไทยไม่ต้องมีระบบทาสมาจนทุกวันนี้ ทรงเริ่มการไปรษณีย์เป็นครั้งแรก ตามมาด้วยโทรเลข และโทรศัพท์ รงยกเลิกประเพณีการเข้าเฝ้าแบบโบราณ มาเป็นการยืนถวายบังคมแบบตะวันตก ทรงยกเลิกการไต่สวนคดีความแบบจารีตนครบาลมาเป็นการไต่สวนคดีความแบบศาลในปัจจุบัน ทรงจัดการศึกษาแผนใหม่ โดยตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ด้านการปกครองได้ทรงปรับปรุงการปกครองให้ทันสมัย โดยแบ่งการบริหารราชการส่วนกลางออกเป็น 12 กระทรวง และส่วนท้องถิ่นเป็นมณฑล ด้านการศาสนา ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง สถาปนาพระอารามต่าง ๆ มากมาย เช่นวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดเบญจมบพิตร เป็นต้น ทรงโปรดเกล้าให้ชำระพระไตรปิฎก และพิมพืเป็นอักษรไทยเป็นครั้งแรก ทรงปรับปรุงคุณภาพการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยสถาปนามาหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตั้งที่วัดมหาธาตุฯ เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย และมหามกุฏราชวิทยาลัยตั้งที่วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนเล่าเรียนของพระสงฆ์ฝ่ายธรรมทูต อีกทั้งยังทรงออกพระราชบัญญัติลักษระปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 120 โดยแบ่งการปกครองคณะส.ฆ์ออกเป็น 4 คระ คือ คณะเหนือ คณะใต้ คณะกลาง และคณะธรรมยุตินิกาย ด้วยพระมหากรุณาอันยิ่งใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปวงชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญานามว่า “พรปิยมหาราช”
     พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวรเนื่องด้วยทรงพรระชราภาพมาก และทรงตรากตรำพระราชภารกิจมากมาย จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 รวมพระชนมายุได้ 58 พรรษา รวมเวลาในสิริราชสมบัติได้ 42 ปีเศษ นับว่าเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ แต่พระนามของพระองค์ยังสถิตอยู่ในดวงใจทุกดวงของแวงชนชาวไทยตลอดกาลนาน



http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น