วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

พระธรรมปิฎก (ป.ล. ปยุตฺโต)

3. พระธรรมปิฎก (ป.ล. ปยุตฺโต)
     พระธรรมปิฏก (ป.อ. ปยุตโต) นามเดิมคือประยุทธ์ อารยางกูร เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2481 ที่อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี บนเส้นทางชีวิตของท่านครั้งยังเป็นเด้กชายประยุทธ์ อารางยกูร มีรูปร่างค่อนข้างจะบอบบาง ขี้โรค มีอุปนิสัยช่างสังเกต นุ่มนวล งดงาม และสงบ ประสบความำสเร็จอย่างน่าพิศวง จากการทำงานหนักทั้งในการศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จนเข้ารับการบรรพชา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2494 จากประวัติชีวิตของท่านย่อมแสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่ง ประสบความสำเร็จในการสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ขณะเป็นสามเณร จึงได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุเคราะห์ให้อุปสมบทในฐานะนาคหลวง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2504 สอบได้ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. 2505 สอบได้วิชาชุดครู พ.ม. เมื่อ พ.ศ. 2506 ซึ่งแสดงถึงความรู้ ความคิดที่ปราดเปรื่องแตกฉาน ควรแก่การเป็นอบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน นอกจากนี้ยังได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันการศึกษา 10 สถาบันรวม 11 ปริญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิเช่น
     - ศิลปศาสตร์ดุษฏีบัณฑิตกิติมศักดิ์ (สาขาอรัชญา) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2529
     - อักษรศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2531
     - การศึกษาดุษฏีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาปรัชญาการศึกษา) จากมหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2533
     - อักษรศาสตร์ดุษฏีกิตติมศักดิ์ (จริยศาสตร์ศึกษา) จากมหาวิทยาลัยมหิดล พ.ศ. 2537 เป็นต้น
     หลังจากนั้นท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยต่อมาอีก 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 – 2517 เพราะประสบการณ์ในการเป็นผู้บริหารสถาบันการศึกษาสงฆ์ที่ยาวนานและอยู่ในช่วงของการบุกเบิกวางรากฐานและการแก้ปัยหาหนักนานาประการ เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าและความเป็นปึกแผ่นให้กับสถาบัน ซึ่งสืบทอดต่อเนื่องมาเป็นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยจนปัจจุบันนี้ ท่านจึงเป็น “หนึ่งในครูที่มีค่ายิ่งในวงการสงฆ์ไทย” จากนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดพระพิเรนทร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 – 2519 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ตำบลบางระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อีกทั้งได้รับรางวัลและการประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ มากมาย เช่น
     - พ.ศ. 2525 ได้รับประกาศเกียรติคุณ ในฐานะผู้ทำประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา ในการฉลอง 200 ปี กรุงรัตนโกสินทร์
     - พ.ศ. 2525 ได้รับรางวัลวรณรกรรมชั้นที่ 1 ประเภทร้อยแก้วสำหรับงานนิพนธ์ “พุทธธรรม” จากมูลนิธิธนาคารกรุงเทพฯ
     - พ.ศ. 2533 ได้รับรางวัลกิติคุณสัมพันธ์ “สังข์เงิน” สาขาเผยแพร่พระพุทธศาสนา
     - พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัลการศึกษาเพื่อสันติภาพ จากองคืการยูเนสโก (UNESCO Prize for Peace Education)
     - พ.ศ. 2538 ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม จากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น
     ในด้านสมณศักดิ์ ท่านได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะขึ้นมาตามลำดับจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2536 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม งานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของพระธฑรรมปฺฎกปรากฎในหลายลักษณะ ทั้งในด้านการสอน การบรรยาย การปาฐกถา การอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และการแสดงพระธรรมเทศนา ท่านได้รับอาราธนาไปสอนวิชาการทางพระพุทธศาสนา ณ มหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศหลายครั้ง งานนิพนธ์ของพระธรรมปิฎกในลักษณะตำรา เอกสารทางวิชาการและหนังสือ เป็นการอธิบายธรรมทั่ว ๆ ไป เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงวิชาการ มีจำนวนมากว่า 216 เรื่อง เช่น พุทธธรรม ธรรมนูญชีวิต การศึกษาที่สากลบนฐานแห่งภูมิปัญยาไทย ทางสายอิสรภาพของการศึกษาไทย Buddhist Economics Toward Sustainable Science พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์ การพัฒนาที่นั่งยืน นิติศาสตร์บุคคล เป็นต้น นอกจากนั้น พระธรรมปิฏกได้รับนิมนต์เป็นที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลในการสร้างพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์สำเร็จสมบูรณ์เป็นฉบับแรกของโลก ทำให้การศึกษาค้นคว้าหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว จึงนับได้ว่าท่านเป็นนักวิชาการที่สร้างความเจริญมาให้กับวงการศึกษาของไทยท่านหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น