4. อนาคาริก ธรรมปาละ
อนาคาริก ธรรมปาละ (Anagsrika Dharmapala) ภิกษุชาวศรีลังกา ผู้พลิกฟื้นพระพุทธศาสนาในอินเดีย มีปฏิธานแน่วแน่ ว่าจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายไปทั่วโลก ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ (1864 – 1993) เดิมชื่อ ดอน เดวิด เป็นชาวสิงหล เกิดในครอบคระวชนชั้นกลางที่มีฐานะในประเทศศรีลังก บิดาเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ท่านถูกส่งไปเรียนในโรงเรียนของมิชชันนารีและเติบโตมาโดยมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศ ดอน เดวิด รู้สึกหดหู่กับศาสนาและความเสื่อมของประเทศ จึงพัฒนาองค์กรขึ้นมาโดยมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับอำนาจของต่างประเทศที่เข้ามารุกรากต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อนาคาริก ธรรมะปาละ” และยังได้แนะนำคนอื่น ๆ ให้เปลี่ยนมาใช้ชื่อพื้นเมือง หรือคำในพระพุทธศาสนาแทนชื่อแบบชาวตะวันตก ซึ่งประชาชนก็ตั้งชื่อลูก ๆ ของตนตามแบบที่ท่านธรรมปาละแนะนำ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้หนึ่งในผู้รณรงค์ให้ใช้คำพื้นเมืองเป็นชื่อประเทศ แทนที่จะใช้คำว่า “ซีลอน” ซึ่งเป็นชื่อตะวันตก ในปี 1893 ท่านธรรมปาละ ได้รับเลือกจากผู้นำศาสนาเป็นตัวแทนที่ Parliament of word religions ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นท่านก็ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับศาสนาตามที่ต่าง ๆ อีกมากมาย หลังกลับมาสู่มาตุภูมิ ท่านธรรมปาละได้เยี่ยมเยือนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อปลุกชาวพุทธ – สิงหล ให้ตระหนักถึงอันตรายของวัฒนธรรมชาติ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งมหาโพธิสมาคม ในนิวเดลี ประเทศอินเดีย และมีสาขาในนิวยอร์ก ลอนดอน รวมทั้งริเริ่มทำหนังสือพิมพ์ Sinhala Buddhaya ด้วยการก่อตั้ง Buddist Mahavihara ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ นับเป็นเหตุการณ์ณ์สำคัญในศตวรรษที่ 20 และได้รับการบันทึกไว้ในรายงานประจำปีของประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ แม้ว่าท่านธรรมะปาละจะมีชื่อเสียงไปทั่ว แต่ก็มีศัตรูไม่น้อย ทำให้ท่านต้องไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตที่ มูลคัลธกุฏีในชื่อของ ภิกษุเทวมิตต (Devamitta)
ท่านธรรมปาละได้ก่อตั้งมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดีย (Mahabodhi Society of India) ในปี ค.ศ. 1891 เป็นสมาคมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ภายใต้การบริหารงานของท่านธรรมปาละ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ เชื้อเชิญพระชาวฮินดูที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา และครอบครอบพุทธคยา อยู่ให้ออกไปจากพื้นที่และให้สถานที่แห่งนี้เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้นับถืออย่างแท้จริง เหตุการณ์ยืดเยื้อถึงวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 ได้มีการมอบกรรมสิทธิ์ให้กับท่าน Dr.S Radhakrisshnan ซึ่งภายหลังได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีแห่งอินเดีย
http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html
อนาคาริก ธรรมปาละ (Anagsrika Dharmapala) ภิกษุชาวศรีลังกา ผู้พลิกฟื้นพระพุทธศาสนาในอินเดีย มีปฏิธานแน่วแน่ ว่าจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายไปทั่วโลก ท่านอนาคาริก ธรรมปาละ (1864 – 1993) เดิมชื่อ ดอน เดวิด เป็นชาวสิงหล เกิดในครอบคระวชนชั้นกลางที่มีฐานะในประเทศศรีลังก บิดาเป็นผู้เชี่ยวชาญการผลิตเฟอร์นิเจอร์ ท่านถูกส่งไปเรียนในโรงเรียนของมิชชันนารีและเติบโตมาโดยมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศ ดอน เดวิด รู้สึกหดหู่กับศาสนาและความเสื่อมของประเทศ จึงพัฒนาองค์กรขึ้นมาโดยมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับอำนาจของต่างประเทศที่เข้ามารุกรากต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “อนาคาริก ธรรมะปาละ” และยังได้แนะนำคนอื่น ๆ ให้เปลี่ยนมาใช้ชื่อพื้นเมือง หรือคำในพระพุทธศาสนาแทนชื่อแบบชาวตะวันตก ซึ่งประชาชนก็ตั้งชื่อลูก ๆ ของตนตามแบบที่ท่านธรรมปาละแนะนำ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้หนึ่งในผู้รณรงค์ให้ใช้คำพื้นเมืองเป็นชื่อประเทศ แทนที่จะใช้คำว่า “ซีลอน” ซึ่งเป็นชื่อตะวันตก ในปี 1893 ท่านธรรมปาละ ได้รับเลือกจากผู้นำศาสนาเป็นตัวแทนที่ Parliament of word religions ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นท่านก็ได้รับเชิญให้ไปบรรยายเกี่ยวกับศาสนาตามที่ต่าง ๆ อีกมากมาย หลังกลับมาสู่มาตุภูมิ ท่านธรรมปาละได้เยี่ยมเยือนตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อปลุกชาวพุทธ – สิงหล ให้ตระหนักถึงอันตรายของวัฒนธรรมชาติ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งมหาโพธิสมาคม ในนิวเดลี ประเทศอินเดีย และมีสาขาในนิวยอร์ก ลอนดอน รวมทั้งริเริ่มทำหนังสือพิมพ์ Sinhala Buddhaya ด้วยการก่อตั้ง Buddist Mahavihara ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ นับเป็นเหตุการณ์ณ์สำคัญในศตวรรษที่ 20 และได้รับการบันทึกไว้ในรายงานประจำปีของประวัติศาสตร์ศาสนาพุทธ แม้ว่าท่านธรรมะปาละจะมีชื่อเสียงไปทั่ว แต่ก็มีศัตรูไม่น้อย ทำให้ท่านต้องไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตที่ มูลคัลธกุฏีในชื่อของ ภิกษุเทวมิตต (Devamitta)
ท่านธรรมปาละได้ก่อตั้งมหาโพธิสมาคมแห่งอินเดีย (Mahabodhi Society of India) ในปี ค.ศ. 1891 เป็นสมาคมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ภายใต้การบริหารงานของท่านธรรมปาละ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ เชื้อเชิญพระชาวฮินดูที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา และครอบครอบพุทธคยา อยู่ให้ออกไปจากพื้นที่และให้สถานที่แห่งนี้เป็นสิทธิอันชอบธรรมของผู้นับถืออย่างแท้จริง เหตุการณ์ยืดเยื้อถึงวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 ได้มีการมอบกรรมสิทธิ์ให้กับท่าน Dr.S Radhakrisshnan ซึ่งภายหลังได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีแห่งอินเดีย
http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น