2. พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท)
ชา สุภัทฺโท หรือหลวงพ่อชา เกิดเมื่อวันที่ 17 วิถุนายน พ.ศง 2461 ณ บ้าจิกก่อ จังหวัดอุบลราชธานี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน จำนวน 10 คน หลวงพ่อชาได้รับการศึกษาชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนบ้านจิกกอ่ จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้วได้ลาออกจากโรงเรียน เพราะมีจิตใจใฝ่ทางบวชเรียน หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษาแล้ว บิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสพเอ่เรียนรู้บุพกิจเบื้องต้น จึงรับอนุญาตให้บรรพชาเป็นสามเณรชา ช่วงโชติ แล้วได้เรียนหนังสือธรรมเรียนบาลีไวยากรณ์ เรียนมูลกัจจายน์ จนสามารถอ่านแปลกบาลีได้ และได้ศึกษาพระปริยัติธรรมจนสอบได้ชั้นสูงสายนักธรรมคือ สอบได้นักธรรมชั้นเอก สามเณรชา ช่วงโชติได้อยู่จำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรม ตลอดจนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์เป็นเวลา 3 ปี แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดารมารกาทำไร่ทำนา ทั้งนี้ด้วยความจำเป็นของครอบครัว แบบชาวไร่ชาวนาอีสานทั่วไป ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในการบวชเรียน จึงสำนึกอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องอุปสมบทเป็นพระให้ได้เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ภายหลังเมื่อตกลงกับบิดาและมารดาก็อนุญาตให้บวช ณ พัทธสีมาวัดก่อใน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อบิดาเสียชีวิตจึงหันมาสู่การปฏิบัติธรรมโดยออกธุดงค์และศึกษาแนวทางปฏิบัติกับครูอาจารย์ในสำนักต่าง ๆ แล้วออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อย ๆ โดยยังดำรงสมณเพศ เป็นพระมหานิกายอยู่ตอลดเวลา ได้ทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรม โดยไปในสถานที่น่ากลัว เช่น ป่าช้า มีความกลัวมากจนปัสสาวะเป็นเลือด แต่ด้วยการพิจารณาธรรมอันแยบคายจนสามารถเอาชนะความกลัวไปได้ ผ่านดงสัตว์ ดงเสือ เคยเป็นไข้มาเลเรียอยู่กลางป่าคนเดียว จนเกือบเสียชีวิต แต่ได้ใช้ธรรมะโอสถรักษาจนหายได้ และยังใช้ธรรมะโอสถในการรักษาตนเองเมื่อเกิดเจ็บไข้อีกหลายครั้งจนในที่สุดได้รับอารยธรรมจากโยมมารดา และพี่ชายเพื่อกลับไปโปรดสัตว์ที่บ้านเกิด เมื่อ พ.ศ. 2497 ก็ได้ดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักกันในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง” และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด มีผู้มาประพฤติปฏิบัติธรรมมากมาย ได้รับนิมนต์ไปเผยแพร่ธรรมในต่างประเทศ ทั้งยุโรป และอเมริกา ท่านได้รับการสถาปนาเป็นพระราชาคณะ “พระโพธิญาณเถระ” เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2516 ท้ายที่สุดของชีวิต ท่านถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 อย่างสงบ ท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศ
http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น