วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิก

 ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา 

     ในสมัยพุทธกาลมีพุทธสาวก พุทธสาวิกา และชาวพุทธจำนวนมากที่มีบทบาทสำคัญใน๙านะเป็นกำลังช่วยเหลือพระพุทธเจ้าในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สำหรับในชั้นนี้จะได้ศึกษาประวัติของท่านเหล่านี้ ได้แก่ พระมหากัจจายนะ พระภัททากัจจานาเถรี และนางขุชชุตตรา

1. พระมหากัจจายนะ
     พระมหากัจจายนะ เป็นพุทธสาวกที่มีความรุ้แตกฉาน ได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นเลิศในการอธิบายหลักธรรมให้เข้าใจได้ง่าย และเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในแคว้นอวันดี
     พระมหากัจจายนะ เดิมชื่อ กัญจนะ หรือ กาญจนะ (แปลว่า ทอง) ท่านเกิดในสกุลพราหมณ์กัจจายนโคตร บิดาของท่านเป็นปุโรหิตอยู่ในราชสำนักของพระเจ้าจันณฑโชต แห่งกรุงอุชเชนี เมืองหลวงของแคว้นอวันดี เมื่อเจริญวัยได้เรียนจนจบไตรเพท ครั้นบิดาถึงแก่กรรม กาญจนะหรือกัญจนะได้รับแต่งตั้งให้เป็นปุโรหิตแทนบิดา จึงได้ชื่อว่า กัจจายนปุโรหิต ตามตระกูล เมื่อพระเจ้าจันฑปัชโชตทรงทราบว่า มีศาสดาองค์ใหม่ซึ่งประชาชนพากันเรียกว่า พระพุทธเจ้า เกิดขึ้นในแคว้นมคธของพระเจ้าพิมพิสาร กำลังเสด็จออกสั่งสอนประชาชน ธรรมที่พระงอค์ทรงสั่งสอนนั้นเป็นธรรมอันประเสริฐให้สำเร็จผลประโยชน์แก่ผูประพฤติปฏิบัติ จึงมีพระราชประสงค์จะนิมนต์พระพุทธเจ้ามาประกาศศาสนาที่กรุงอุชเชนี จึงทรงแต่งตั้งคณะทูตขึ้นคณะหนึ่งมีกัจจายนปุโรหิตเป็นหัวหน้าไปทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้า ในการเดินทางไปครั้งนี้กัจจายนปุโรหิตได้กราบทูลขอลาบวชด้วย เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว กัจจายนปุโรหิตพร้อมด้วยคณะ 7 คน ไดเดินทางไปสู่ที่ประทับของพระพุทธเจ้าและได้เข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมให้ฟัง ในที่สุดคณะทูตทั้ง 8 ก็ได้บรรลุอรหัตตผลพร้อมกันทั้งหมด จากนั้นจึงได้กราบทูลขออุปสมบท พระพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาติให้บวชเป็นพระภิกษุด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา
     ครั้นอุปสมบทแล้ว กระกัจจายนะจึงกราบทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จไปยังกรุงอุชเชนี ตามพระราชหระสงค์ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต พระพุทธเจ้าจึงตรัสสั่งให้พระกัจจายนะพร้อมด้วยพระภิกษุบริวารทั้ง 7 เดินทางไปแทนพระองค์ พระกัจจายนะพร้อมด้วยพระภิกษุบริวารจึงได้เดินทางกลับกรุงอุชเชนี เข้าเฝ้าพระเจ้าจัณฑปัชโชตและแสดงธรรมถวาย จนพระเจ้าจัณฑปัชโชตฟังแล้วเกิดความเลื่อมใส ประกาศพระองค์เป็นพุทธมามกะหรือพุทธศาสนิกชนในเวลาต่อมา
     พระกัจจายนะจำพรรษาอยู่ในกรุงอุชเชนีช่วงเวลาหนึ่งได้ประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนาแก่ชาวเมือง ทำให้ชาวเมืองจำนวนมากเกิดความเลื่อมใสหันมานับถือพระพุทธศาสนา ต่อมาพระกัจจายนะได้เดินทางกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งขณะนั้นพระองค์ประทับอยู่ ณ ตโปทาราม กรุงราชคฟห์ ขณะที่พักอยู่ร่วมพระอารามกับพระพุทธเจ้านั้น ได้มีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงแสดงไว้โดยย่อแล้วไม่เข้าใจ ได้มาขอให้พระกัจจายนะอธิบายให้ฟัง พระกัจจายนะจึงอธิบายขยายความของธรรมนั้นอย่างละเอียด จนพระสงฆ์กลุ่มดังกล่าวเข้าใจเป็นอย่างดี
     จากการที่พระกัจจายนะเป็นผู้ฉลาดในการอธิบายขยายความย่อของธรรมให้พิศดารและให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ได้ ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านอธิบายความย่อแห่งคำสอนของพระองค์ให้พิสดารอย่างถูกต้อง พระกัจจายนะเป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระศาสนาเป็นอันมาก โดยเฉพาะในแคว้นอวันดี พระภิกษุทั้งหลายจึงเรียกท่านว่า พระมหากัจจายนะ
     สมัยหนึ่ง พระมหากัจจายนะได้เดินทางกลับมาจำพรรษา ณ กรุงอุชเชนี ขณะที่ท่านได้ไปพักอยู่ที่เชิงเขาชื่อปวัตตะ เมืองกุรุระฆระในแคว้นอวีนตีภาคใต้ มีอุบาสิกาชื่อ โสณะ กุฏิกัณณะ มาคอยอุปัฏฐากรับใช้ท่าน มีความประสงค์จะบวช แต่ไม่สามารถบวชได้เพราะไม่มีพระสงฆ์เพียงพอ เนื่องจากตอนนั้นพระพุทธเจ้าทรงกำหนดระเบียบการบวชไว้ว่า จะต้องมีพระภิกษุ 10 รูปขึ้นไป จึงจะครบองค์สงฆ์ทำพิธีบวชพระภิกษุได้ พระมหากัจจายนะจึงให้โสณะบวชเป็นสามเณรไปก่อน ทั้ง ๆ ที่อายุมากแล้ว ท่านรออยู่ถึง 3 ปี จึงได้พระสงฆ์ครบ 10 รูป เพียงพอที่จะบวชเป็นพระภิกษุได้
     เมื่อพระโสณะกุฏิกัณณะบวชแล้วปรารถนาจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะท่านไม่เคยเห็นพระพุทธองค์จึงไปลาพระมหากัจจายนะ ซึ่งพระมหากัจจายนะก็อนุญาตด้วยดี และได้ฝากให้พระโสณะทูลขอผ่อนผันวินัย 5 ประการ ดังนี้
          ประการที่หนึ่ง ในแคว้นอวันตีตอนใต้ มีพระภิกษุน้อย ขอพระผู้มีพระภาคได้โปรดทรงอนุญาตการอุปสมบทด้วยพระสงฆ์น้อยว่า 10 รูป
          ประการที่สอง ในแคว้นอวันตีตอนใต้ พื้นที่ขรุขระไม่สม่ำเสมอ ขอพระผู้มีพระภาคได้โปรดทรงอนุญาตรองเท้าเป็นชั้น ๆ
          ประการที่สาม ในแคว้นอวันตีตอนใต้ ชาวบ้านอาบน้ำทุกวัน ขอได้โปรดทรงอนุญาตให้พระสงฆ์อาบน้ำได้เป็นนิตย์
          ประการที่สี่ ในแคว้นอวันตีตอนใต้ มีเครื่องลาด (นิสีทนะ) ที่ทำด้วยหนังสัตว์ เช่น หนังแพะ หนังแกะ เป็นต้น ขอได้โปรดทรงอนุญาตให้ภิกษุใช้เครื่องลาดดังกล่าว
          ประการที่ห้า ในแคว้นอวันตีตอนใต้ ชาวบ้านนิยมถวายจีวรแก่พระภิกษุผู้ที่ไม่ได้อยู่วัด โดยฝากพระภิกษุอื่นไว้ เมื่อพระรูปนั้นกลับมาไม่ยอมรับจีวร เพราะกลัวว่าจะผิดพุทธบัญญัติในกรณีเก็บจีวรไว้เกิน 10 วัน ขอได้โปรดตรัสบอกวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับจีวรว่าจะทำอย่างไร
     พระโสณะกุฏิกัณณะได้เดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ได้กราบทูลขอพร 5 ประการดังกล่าว พระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาตตามที่ขอทุกประการ สำหรับประการที่หนึ่งทรงอนุญาตว่า ในท้องถิ่นทุรกันดาร หาพระสงฆ์ยาก ให้ใช้พระสงฆ์ 5 รูปก็บวชกุลบุตรให้เป็นพระภิกษุได้ สำหรับประการที่ห้าทรงอนุญาตว่า ให้พระภิกษุรับจีวรที่ทายกถวายลับหลังได้ จีวรยังไม่ถึงมือของพระภิกษุนั้นตราบใด ก็ยังไม่ถือว่าเธอมีสิทธิ์ครอบครองในจีวรนั้น การผ่อนผันทางวินัยเหล่านี้จึงเป็นระเบียบปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
     พระมหากัจจายนะเป็นผู้มีรูปงาม มีผิวขาวเหลืองดุจทองคำสมตามชื่อเดิมของท่านว่า กัญจนะ บุตรเศรษฐีผู้หนึ่งเห็นท่านเข้านึกคะนองในใจว่า ถ้าได้ภรรยารูปงามเหมือนอย่างท่านจักเป็นที่พอใจยิ่งนัก ด้วยอกุศลจิตเพียงเท่านั้น บุตรเศรษฐีก็เปลี่ยนจากเพศชายเป็นเพศหญิง ภายหลังได้ขอขมาท่านแล้วจึงกลับเป็นเพศชายดังเดิม พระมหากัจจายนะเกิดความสลดใจในเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่ามีคนหลงใหลความมีรูปของท่านแล้วเกิดโทษ ท่านจึงอธิษฐานให้รูปร่างอ้วน ศรีษะสั้น พุงพลุ้ย เพื่อไม่ให้มีใครหลงใหลท่านอีก ซึ่งในประเทศไทยรู้จักท่านในนาม พระสังกระจาย หรือ พระสังกัจจายน์
     พระมหากัจจายนะมีชีวิตมาถึงสมัยหลังพุทธปรินิพพาน ท่านได้ออกเผยแผ่พระศาสนาในแคว้นอวีนตีโดยได้แสดงธรรมให้พระเจ้ามธุราชอวันตีบุตร ซึ่งเป็นผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระเจ้าจัณฑปัชโชต จนกษัตริย์พระองค์นี้เลื่อมใสประกาศพระองค์เป็นอุบาสก นับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ พระมหากัจจายนะดำรงอายุสังขารตามสมควรอก่กาลก็นิพพาน แต่สถานที่นิพพานไม่มีหลักฐานปรากฏ

คุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง

     พระมหากัจจายนะมีคุณธรรมที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตหลายประการ ดังนี้
          1. เป็นคนรอบคอบ คุณธรรมข้อนี้เห็นได้จาก ในสมัยเป็นปุโรหิตได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้เป็นผู้ไปกราบทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จมายังกรุงอุเชนีเพื่อแสดงธรรมโปรด ก่อนออกเดินทางจากกรุงอุชเชนีไปยังกรุงราชคฤห์ ท่านได้กราบทูลลาพระเจ้าจัณฑปัชโชตขอบวชในพระพุทธศาสนาด้วย ทั้งนี้เนื่องจากท่านเห็นว่า ระยะทางระหว่างกรุงอุชเชนีกับกรุงราชคฤห์นั้นไกลมาก จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าทั้งทีก็ควรทำให้เรียบร้อยทุกอย่าง
          2. เป็นผู้ยึดมั่นต่อคำสั่ง คุณธรรมข้อนี้เห็นได้จากเมื่อครั้งได้รับคำสั่งจากพระเจ้าจัณฑปัชโชตให้ไปกราบทูลเชิญพระเพุทธเจ้าให้เสด็จไปยังกรุงอุชเชนีให้ได้และท่านก็ทำได้สำเร็จ กล่าวคือ เมื่ออุปสมบทและบรรลุอรหัตผลแล้ว ท่านก็ได้กราบทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปแสดงธรรมโปรดพระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวเมืองอุชเชนี
          3. ตั้งใจทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย คุณธรรมข้อนี้เห็นได้จากการที่ท่านได้รับมอบหมายให้ไปประกาศพระศาสนา ณ กรุงอุชเชนี แทนพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดีสามารถทำให้พระเจ้าจัณฑปัชโชตและชาวเมืองอุชเชนีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และยังเป็นผู้สามารถฮธิบายขยายความย่อของพระธรรมให้ละเอียดพิสดาร เข้าใจง่ายได้เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า
          4. เป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คุณธรรมข้อนี้เห็นได้จากการที่ท่านรูจักปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา โดยทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงแก้ไขพุทธบัญญัติบางข้อเกี่ยวกับปัจจันตชนบท (ท้องถิ่นทุรกันดาร) เพราะตามพุทธบัญญัติเดิมพระภิกษุในปัจจันตชนบทซึ่งอยู่ในเขตถิ่นกันดารปฏิบัติตามได้ยาก ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็ทรงแก้ไขให้
          5. เป็นผู้มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว คุณธรรมข้อนี้เห็นได้จากการที่ท่านยอมอธิษฐานจิตเปลี่ยนแปลงรูปที่สวยงาม มีผิวพรรณดั่งทอง ที่ใครเห็นแล้วก็ชอบและหลงใหล ให้กลายเป็นรูปร่างอัปลักษณ์น่าเกลียด ทั้งนี้เพราะท่านเห็นว่าการมีรูปงามบางครั้งอาจทำให้เกิดโทษแก่ผู้อื่น ดังตัวอย่างที่เกิดกับโสเรยยะ บุตรของเศรษฐีแห่งโสเรยนคร



http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น