7. สุมนมาลาการ
นายสุมนมาลาการ เป็นผู้ทำหน้าที่นำดอกมะลิไปทูลบเกล้าทูลกระหม่อมพระเจ้าพิมพิสารเป็นประจำทุกเช้าตรู่ วันละ 8 ทะนาน และเขาจะได้รับพระราชทานเงิน 8 กหาปนะ (เป็นเงินไทยเท่ากับ 32 บาท) ต่อมาวันหนึ่ง ขณะที่นายสุมนมาลาการถือดอกไม้เดินเข้าไปในพระนครราชคฤห์ พระพุทธเจ้ามีพระภิกษุห้อมล้อมอยู่เป็นจำนวนมาก พระองค์ทรงเปล่งพระรัศมี (แสงสว่าง 6 ประการ) เสด็จเข้าไปยังในนครราชคฤห์ ครั้นนายสุมนมาลาการได้แลเห็นพระวรกายของพระพุทธเจ้า เห็นมาหาบุรุษลักษณะ 32 ประการ และอนุพยัญชนะ 80 ประการอันสวยงามแล้ว เขามีจิตเลื่อมใสและคิดว่า “เราจะกระทำการบูชาอันยิ่งแด่พระบรมศาสดาอย่างไรดีหนอ” เมื่อเขามองไม่เห็นสิ่งอันจึงคิดว่า “เราจะบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้เหล่านี้” และเขาคิดต่อไปอีกว่า “ดอกไม้เหล่านี้เป็นดอกไม้สำหรับถวายพระราชาประจำ คราวนี้เมื่อพระราชาไม่ทรงได้ดอกไม้เหล่านี้ จงตรัสสั่งให้จองจำเรา ให้ฆ่าเรา หรือให้เนรเทศ คือขับไล่เรออกจากแว่นแคว้น เราจะหระทำอย่างไรดี” แล้วเขาตัดสินใจว่า “พระราชาจะทรงฆ่าเรา หรือจะทรงเนรเทศ คือขับไล่เราออกจากแว่นแคว้นก็ตาม เพราะพระราชาถึงแม้พระราชทานทรัพย์แก่เรา ก็พระราชทานพอเลี้ยงชีพในอัตภาพนี้เท่านั้น ส่วนการบูชาพระบรมศาสดาอาจให้ประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เราในหลายโกฏิกัปทีเดียว” พอเขาคิดตัดสินใจแน่แน่วแล้วดังนี้ จึงคิดสละชีวิตของตนถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า และเขาคิดว่า “เรามีจิตเลื่อมใสไม่กลับกลายตราบใด เราจะกระทำการบูชาตราบนั้น” แล้วเขามีความร่าเริงบันเทิงใจ มีใจเบิกบานและแช่มชื่น แล้วบูชาพระบรมศาสดาด้วยดอกไม้เหล่านั้น และถือกระเช้าเปล่ากลับไปที่บ้านของตน ครั้นเมื่อภรรยาของสุมนมาลาการถามว่า “ดอกไม้อยู่ที่นี่จ๊ะพี่” สุมนมาลาการตอบว่า “ดอกไม้ฉันบูชาพระบรมศาสดาหมดแล้ว” ฝ่ายภรรยาของสุมนมาลาการป็นหญิงอันธพาล ไม่เกิดเลื่อมใสฝนปาฏิหาริย์เช่นนั้น นางจึงด่าเขา หลังจากนั้นจึงพสพวกบุตรไปเข้าเฝ้าพระราชา ทูลเรื่องที่สามีของตนนำดอกไม้ไปถวายพระพุทธเจ้า และโทษที่อาจจะได้รับจากการกระทำเช่นนี้ อีกทั้งยังขอให้กรรมที่สามีได้กระทำจงเป็นของเขาเพียงผู้เดียว หลังจากนั้นพระเจ้า พิมพิสารให้ภรรยาของสุมนมาลาการนั้นกลับไป ส่วนพระองค์รีบเสด็จไปหาพระบรมศาสดาตามเสด็จจาริกไปสู่นครต่าง ๆ จนถึงพระราชวัง พระเจ้าพิมพิสารตรัสสั่งให้กระทำปะรำขึ้นหลังจากที่ พระบรมศาสดาไม่ยอมเสด็จเข้าไปในพระราชวัง แล้วพระบรมศาสดาก็ทรงประทับนั่งภายในปะรำที่สร้างขึ้นนั้นกับพระภิกษุสงฆ์ หตุที่พระบรมศาสนาไม่เข้าไปในพระราชวัง เพราะต้องการแสดงคุณความดีของสุมนมาลาการ เมื่อประทับที่พระลานหลวง มหาชนก็จะได้เห็นพระบรมศาสดา พร้อมกับคุณงามความดีนั้น พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์ ทรงส่งเสด็จพระบรมศาสดาแล้วจึงเสด็จกลับ และรับสั่งให้หานายสุมนมาลาการ มาเฝ้าแล้วตรัสถามว่า “เจ้าคิดอย่างไร จึงบูชาพระบรมศาสดาด้วนดอกไม้ที่นำมาให้เรา” นายสุมนมาลาการกราบบังคมทูลว่า “ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าคิดว่า” “พระราชาจะทรงฆ่าเรา หรือจะทรงเนรเทศ คือขับไล่เราจากแว่นแคว้นก็ตาม” ดังนี้แล้ว จึงคิดสละชีวิตบูชาพระบรมศาสดา พระพุทธเจ้าเจ้าข้า” พระเจ้าพิมพิสารทรงตรัสยกย่องว่าเป็น มหาบุรุษแล้วพระราชทานสิ่งของอย่างละ 8 สิ่งให้สุมนมาลาการ
ฝ่ายท่านพระอานนท์เถระคิดว่า “วันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่มาแล้ว มหาชนได้เปล่งเสียง สีหนาทตั้งพัน มีการยกธงผ้าหลายพันคัน นายสุมนมาลาการจะได้รับผลอย่างไรหนอ” แล้วพระเถระจึงกราบทูลถามพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาตรัสตอบกับพระเถระว่า “อานนท์ เธออย่ากำหนดว่านายสุมนมาลาการได้กระทำเพียงเล็กน้อย แต่เพราะเขาได้สละชีวิตกระทำการบูชาตถาคต เขาได้มีจิตเลื่อมใสในตถาคตอย่างนี้ เขาจะไม่ไปสู่ทุคติ (สถานที่สัตว์ตายไปเกิดมีความทุกข์ความลำบาก) ตลอดจนหนึ่งแสนกัป” เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้แล้วจึงตรัสต่อไปว่า “นายสุมนมาลาการจะดำรงอยู่แต่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่ไปสู่ทุคติตอลดหนึ่งแสนกัป นี่เป็นผลแห่งกรรมนั้น ภายหลังเขาจะได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่า “สุมนิสสระ” นับว่าเป็นพระอุยาสกที่น่ายกย่องในเรื่องความเสียสละคนหนึ่งในพระพุทธศาสนา
http://jakkrit-buddhism2.blogspot.com/2010/07/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น