1. พระวิสุทธิคุณ
พระวิสุทธิคุณ หมายถึง พระพุทธเจ้าทรงมีพระทัยบริสุทธิ์สะอาดปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง คือ ความ โลภ ความโกรธ และความหลง จึงทรงเป็นผู้สิ้นกิเลสทั้งปวง ไม่ว่ากิเลสนั้นๆ จะเรียกชื่ออย่างไร เช่น เรียกว่า อกุศล อาสวะ สังโยชน์ นิวรณ์ อนุสัย จึงทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ สะอาด ไม่มีความลี้ลับใด ทรงสมบูรณ์ด้วย วิชชา 8 คือ วิปัสสนาญาณ ปัญญาพิจารณาเห็นรูปและนามแยกเป็นส่วนๆ ต่างอาศัยกันและกัน มโนมอิทธิ ฤทธิ์ทางใจ
อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ ทิพพโสต หูทิพย์ เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น ปุพเพนิวาสานุสสติ ระลึกชาติได้ ทิพะจักขุ ตาทิพย์
อาสวักขยญาณ ญาณอันทำอาสวะให้สิ้นไป และ จรณะ 15 คือ สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล อินทรีย์สังวร สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา
รู้ด้วยพอดีในอาหาร ชาคริยานุโยค ประกอบความเพียรของผู้อื่นอยู่ สัทธา ความเชื่อ หิริ ความละอายใจ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวบาป
พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ได้ฟังมาก วิริยะ ความเพียร สติ ความระลึกได้ ปัญญา ความรอบรู้ ปฐมฌาน ฌานที่หนึ่ง ทุติยฌาน ฌานที่สอง
ตติยฌาณ ฌานที่สาม จตุตถฌาณ ฌานที่สี่ นอกจากนั้น ยังทรงเป็นผู้กำจัดกิเลส และบาปธรรมทั้งปวงทรงเป็นผู้จำแนกธรรม
พระวิสุทธิคุณของพระพุทธเจ้านั้น สามารถรู้ได้ เห็นได้ โดยตลอดระยะเวลา 80 ปี ปรากฏในพุทธประวัติ ดังนี้
1. ทรงบริสุทธิ์ในพระราชกำเนิด พระพุทธเจ้าทรงมีชาติกำเนิดที่ชัดเจนแน่นอน ซึ่งมีพุทธประวัติว่าทรงเป็นโอรสกษัตริย์ มีตัวตนจริง แม้เรื่องราวเช่นนี้จะล่วงเลยมานานกว่า 2,600 ปี ก็มีพยายหลักฐานทางโบราณคดียืนยันอยู่ เช่น สังเวชนียสถาน ในประเทศอินเดียและเนปาล เป็นต้น
2. ทรงบริสุทธิ์ในพระหฤทัย พระพุทธเจ้าพระกมมลสะอาดหมดจดอย่างวิเศษ ทรงตักรากกิเลสได้หมดสิ้น พระองค์ทรงแยกจิตกับกิเลสให้ขาดจากกัน จนจิตหลุดพ้นจากอำนาจกิเลส ทรงเรียกสภาพเช่นนี้ว่า วิมุตติ ตามประพุทธประวัตินั้น กว่าที่จะทรงได้วิธีการละกิเลส จนถึงขั้นวิมุตติต้องทรงใช้เวลาถึง 6 ปี และทรงทดลองใช้วิธีต่างๆ มามากมาย ตั้งแต่ทรมานพระวรกายด้วยวิธีต่างๆ เช่น อดอาหาร กลั้นหายใจ เป็นตน แต่ไม่เป็นผล จนถึงวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี จึงทรงได้พบทางตัดกิเลส เรียกว่า พระโพธิญาณ แปลว่า ปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ เมื่อทรงละกิเลสได้ จิตใจก็สะอาด ผ่องใส ซึ่งเรียกว่า วิสุทธิ
3. ทรงบริสุทธิ์ในการบำเพ็ญพุทธกิจ พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ได้แล้ว พระองค์ทรงตรากตรำพระวรกายเพื่อบำเพ็ญพุทธกิจในการสั่งสอนพุทธบริษัทเป็นเวลาถึง 45 ปี การบำเพ็ญพุทธิกิจของพระองค์ก็ได้กำหนดเป็นตารางประจำวันไว้แน่นอน เช่น ตอนเช้าเสด็จออกบิณฑบาต ตอนเย็นทรงแสดงธรรมแก่คนทั่วไป ตอนค่ำทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุ ตอนดึกทรงโต้ตอบปัญหากับเทวดา ตอนใกล้รุ่งทรงใช้พระญาณตรวจอุปนิสัยของสัตว์โลก เพื่อหาผู้ที่ควรจะแสดงธรรมโดยเฉพาะในวันนั้น เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เวลาที่เหลือในการเสด็จไปโปรดเป็นรายบุคคลอยู่เสมอ ซึ่งทรงเล็งเห็นจากการใช้พระญาณในตอนใกล้รุ่ง จะเห็นว่าตลอดเวลา 1 วัน ทรงปฏิบัติพุทธกิจเพื่อผู้อื่น โดยไม่มีค่าจ้างหรือสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงรบกวนชาวบ้านด้วยพระกระยาหารวันละมื้อเพียงเพื่อให้พระสรีระดำรงอยู่ตามธรรมชาติเท่านั้น
4. ทรงบริสุทธิ์ในการเสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อถึงเวลาที่ต้องสิ้นสุดไปโดยธรรมชาติ พระองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นไปอย่างเงียบสงบที่สุด ขณะที่จะปรินิพพาน ไม่มีภาพชวนให้หวาดเสียว สยดสยองแม้แต่น้อย ไม่มีถ้อยคำถากถางเย้ยหยัน ไม่มีแม้แต่เสียงร้องอันแสดงถึงความสะทกสะท้านหวั่นกลัว แม้แต่แมกไม้ที่ไร้วิญญาณก็รีบผลิดดอกออกถวายเป็นสักการะ สรวงสวรรค์น้อมถวายด้วยกลิ่นหอมและเสียงประโคมขับอย่างน่าอัศจรรย์ และหลังจากปรินิพพานแล้ว ก็มิได้ทิ้งปัญหาใดๆ ไว้ให้สาวกรุ่นหลังต้องเคียดแค้นชิงชังฆ่ากันไม่รู้จบ
https://sites.google.com/site/socialstudiesm4/bth-thi1/1-2-phuthth-pra-wa